15 สุดยอดร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ที่ควรค่าแก่การไปลอง

แนะนำ 15 ร้านเด็ดที่การันตีความยอดเยี่ยมด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ สัมผัสรสชาติสุดพรีเมียมและคุณภาพคับจานในแบบที่ห้ามพลาด

15 สุดยอดร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ที่ควรค่าแก่การไปลอง
© Siam2nite

หลังจากการเดินทางมาเยือนเมืองไทยของมิชลินสตาร์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับเหล่ากับนักชิมทั่วประเทศ กับการออกไกด์บุ๊ค Michelin Guide ฉบับประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2018 และต่อเนื่องมายังฉบับล่าสุดปี 2019 ซึ่งมีร้านอาหารต่างๆ ในกรุงเทพฯ, นนทบุรี, สมุทรสาคร และภูเก็ต ได้รับการแนะนำลงในไกด์บุ๊คมากมาย

มิชลินสตาร์ ถือเป็นเครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์ถึงคุณภาพความยอดเยี่ยมของร้านอาหารต่างๆ โดยปัจจุบันมีการออกไกด์บุ๊คมาแล้วในหลายเมืองชั้นนำ อาทิ นิวยอร์ค, ปารีส, ลอนดอน, โตเกียว, ฮ่องกง, สิงคโปร์ ฯลฯ ซึ่งจะมีการมอบรางวัลและจัดอันดับคุณภาพของร้านอาหารตามประเภทต่างๆ เริ่มต้นตั้งแต่การให้ดาว ตั้งแต่ 3 ดาว, 2 ดาว และ 1 ดาว โดยพิจารณาจากคุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติ, ความคิดสร้างสรรค์ และความคงที่ของคุณภาพ

นอกจากรางวัลมิชลินสตาร์แล้ว ก็ยังมีรางวัล BIB Gourmand (บิบ กูร์มองต์) คือ รางวัลที่มอบให้กับร้านอาหารคุณภาพดีในราคาไม่เกิน 1,000 บาท ปิดท้ายด้วยรางวัล Michelin Plates (มิชลิน เพลท) คือรางวัลสำหรับร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน

สำหรับนักชิมของมิชลินไกด์ จะมีอาชีพหลักเป็นนายธนาคาร, ทนาย, หมอ หรือนักธุรกิจ ที่ยินดีออกตระเวนชิมด้วยความเต็มใจ ซึ่งพวกเขาจะได้รับการเทรนด์เป็นอย่างดีจากมิชลิน จากนั้นจึงปลอมตัวเป็นลูกค้าปกติไปชิมอาหารตามร้านต่างๆ ซึ่งบางร้านอาจใช้เวลาในการชิมถึง 3-4 ครั้งต่อ 1 ปี เพื่อตรวจสอบความคงที่ของคุณภาพโดยรวม นอกจากนี้จดหมายจากลูกค้าที่เขียนส่งตรงมาถึงมิชลินไกด์ ยังถือเป็นส่วนประกอบเพื่อเป็นเกณฑ์ในการให้รางวัลอีกด้วย

เพื่อเอาใจสายอาหารและนักชิมทุกคน เราจึงขอแนะนำ 15 ร้านเด็ดที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ มาให้ทุกคนได้ไปตามรอยกันแบบเต็มอิ่ม ขอบอกเลยว่าแต่ละร้านนั้น คุณภาพอัดแน่นสมคุณค่ามิชลินสตาร์แน่นอน

01

Elements (เอเลเมนท์)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

ห้องอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ถึง 2 ปีซ้อน จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก “มิชลินไกด์” ประเทศไทย หรือ Michelin Guide Thailand ให้บริการอาหารฝรั่งเศสที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปได้อย่างลงตัว

โดยตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 25 ของโรงแรม The Okura Prestige Bangkok มาพร้อมการตกแต่งที่เรียบหรูและมีสไตล์ เน้นการใช้วัสดุประเภทโลหะโบราณ, กำแพงถ่าน และพื้นผิวไม้แข็ง เพื่อให้ห้องอาหารดูมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีครัวเปิด ที่เราสามารถชมการทำงานของเชฟได้อย่างใกล้ชิด เสมือนเป็นการยกเวทีการแข่งขันทำอาหารมาไว้ใจกลางร้าน

อาหารทั้งหมดที่ Elements ได้รับการรังสรรค์โดยทีมพ่อครัวที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารฝรั่งเศส ผ่านการปรุงด้วยกรรมวิธีของอาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับ ประกอบกับการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีการเลือกใช้ส่วนประกอบที่ใช้ปรุงอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น สาหร่าย ซอสพอนซึ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น ฯลฯ มาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร จนได้เมนูอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นที่ทุกคนต้องติดใจ

สำหรับเมนูอาหารของทางร้านมีชื่อว่า “ทาคูมิ” เป็นเทสติ้งเมนูชุดใหม่ที่ทางร้านมุ่งมั่นคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งผลิตขนาดเล็ก ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน นำมารังสรรค์เป็นอาหารในรูปแบบเซ็ตเมนู 2 แบบ ได้แก่ อาหารชุดทาเกะ 6 คอร์ส และอาหารชุดมัสซึ 7 คอร์ส นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษ เนื้อสันนอกญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมนูทางเลือกสำหรับอาหารจานหลักอีกด้วย

อาหารชุดทั้ง 2 แบบ จะเริ่มให้บริการด้วยอาหารคำเล็ก (Amuse Bouche) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร ก่อนจะเริ่มให้บริการอาหารจานแรก โดยพนักงานจะนำมาเสิร์ฟทีละจาน พร้อมกับอธิบายที่มาของแต่ละเมนู ก่อนจะปิดท้ายด้วยของหวาน เป็นอันจบคอร์สอาหารสุดพิเศษ

หากใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์อาหารฝรั่งเศสกลิ่นอายญี่ปุ่น บอกเลยว่าต้องลองมาชิมรสชาติอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ Elements ดูสักครั้ง รับประกันได้ว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

  • สถานที่:

    ชั้น 25 โรงแรม The Okura Prestige Bangkok ถ. วิทยุ เพลินจิต
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เพลินจิต)

  • เวลาเปิดทำการ:

    อังคาร-เสาร์
    18.00-22.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-687-9000

02

R-HAAN (อาหาร)

© R-HAAN
© R-HAAN
© R-HAAN
© R-HAAN
© Siam2nite
© Siam2nite

ร้านอาหารไทยแท้สูตรต้นตำรับสไตล์ Fine Dining การันตีคุณภาพด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว พร้อมการสร้างสรรค์เมนูอาหารโดยฝีมือของเชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดังของเมืองไทยที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารมากว่า 30 ปี ซึ่งเมนูอาหารของที่นี่มาพร้อมคอนเซปต์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารในเมืองไทย รวมไปถึงความปราณีตของศิลปวัฒนธรรมที่ถูกถ่ายทอดสู่รสชาติของอาหารในแต่ะละจาน

สำหรับวัตถุดิบที่ทางร้านใช้ จะเน้นแบบไทยแท้ๆ ที่คัดสรรมาจากวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพที่มีชื่อเสียงจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย ผ่านความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการปรุง รวมไปถึงการรักษารสชาติให้ครบทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด พร้อมเสริมด้วยรสขม ฝาด ซ่า ให้ออกมาครบเครื่องถึงเสน่ห์ของอาหารไทยมากที่สุด โดยจะแบ่งเป็นสำรับประจำ 3 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน, ฤดูฝน และฤดูหนาว ทำให้เราได้สัมผัสวัตถุดิบที่ดีที่สุดของฤดูกาลนั้นๆ ของอย่างแท้จริง

โดยอาหารที่ให้บริการจะเป็นมื้อค่ำแบบเซ็ตเมนูที่เสิร์ฟให้ทานกันเป็นคอร์ส มีให้เลือกอร่อยกัน 2 สำรับ ได้แก่ “รอยัล ไทยเทสต์ สำรับ” ที่เน้นรสชาติอาหารแบบไทยแท้ ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน พร้อมอิ่มเอมไปกับวัตถุดิบเลื่องชื่อของไทยจากแต่ละภาค ส่วนอีก 1 สำรับ คือ “อะเมซิ่ง ไทยเทสต์ สำรับ” ที่เน้นการผสมผสานรสชาติความกลมกล่อมของอาหารให้เข้ากันได้อย่าลงตัว อัดแน่นด้วยอาหารคาวหวานหลากเมนูที่ทุกคนคุ้นเคย แต่เปี่ยมไปด้วยรสชาติที่ทุกคนต้องเซอร์ไพรส์

ปิดท้ายด้วยการสอดแทรกความเป็นไทยลงไปในทุกๆ มุมของร้าน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้านที่เน้นความเป็นไทย แต่แฝงความร่วมสมัยลงไปได้อย่างมีสีสัน หรือจะเป็นภาชนะใส่อาหาร ที่งดงามด้วยลายฝีมือจากข่างชั้นสูง ถอดแบบมาจากเครื่องต้นที่ถูกใช้ในพระราชวังสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ให้เราได้สัมผัสความเป็นไทยในแบบทุกอณูจริงๆ

  • สถานที่:

    ซ. ไปดีมาดี (ทองหล่อ ซ. 9) สุขุมวิท 55
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ทองหล่อ)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    18.00-23.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-059-0433

03

J’AIME by Jean-Michel Lorain (แฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองด์)

© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite
© Siam2nite

ร้านอาหารสัญชาติฝรั่งเศสสไตล์ Fine Dining ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม U Sathorn Bangkok การันตีคุณภาพโดยเชฟ Jean-Michel Lorain เจ้าของร้านอาหาร La Côte Saint-Jacques แห่งแคว้นเบอร์กันดีของฝรั่งเศส ที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว

โดยร้าน J’AIME by Jean-Michel Lorain นั้นเปรียบเสมือนการยกฝรั่งเศสมาไว้ที่ไทยเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่บริหารงานโดยคุณ Marine Lorain ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สาม มาพร้อมการบริการและสไตล์ของอาหารที่เหมือนมาจากร้านที่ฝรั่งเศส จึงมั่นใจได้ถึงรสชาติและคุณภาพระดับเวิลด์คลาสขนานแท้

สำหรับเมนูอาหารจะเน้นไปที่สไตล์ฝรั่งเศสเป็นหลัก รวมไปถึงการให้ความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการปรุงอาหาร หรือการเลือกวัตถุดิบ ที่เน้นการผสมผสานระหว่างของจากต่างประเทศและในประเทศให้เข้ากันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งใส่ความเป็นฝรั่งเศสผ่านขั้นตอนการปรุงอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติแบบต้นตำรับมากที่สุด โดยขั้นตอนทั้งหมดถูกดูแลโดยเชฟใหญ่ของร้านอย่างเชฟ Amerigo Sesti ชาวอิตาเลียน ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับเชฟ Jean-Michel Lorain มาก่อน อีกทั้งเขายังได้ร่วมงานกับหลากหลายร้านอาหารในยุโรปอีกด้วย

เมนูอาหารของที่นี่มีให้เลือกหลายแบบ อาทิ มื้อกลางวัน, มื้อค่ำ, เมนูแบบ A la carte หรือใครที่อยากจัดเต็ม ทางร้านก็มีเซ็ตเมนูแบบเป็นคอร์ส พร้อมให้บริการด้วยเช่นกัน

ส่วนการตกแต่งก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องยกนิ้วให้ เริ่มต้นด้วยความเรียบหรูตามสไตล์ร้าน Fine Dining แต่จัดเต็มด้วยไอเดียที่บรรเจิดสุดๆ กับแนวคิดแบบ Upside Down ที่มาพร้อมการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของ ด้วยการสลับบนล่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเปียโนไปห้อยกลับหัวอยู่บนเพดาน หรือการนำโคมไฟมาวางหงายอยู่บนพื้น ให้ความรู้สึกน่าพิศวงทุกครั้งที่ได้มาเยือน

  • สถานที่:

    ชั้น 2 โรงแรม U Sathorn Bangkok ซ. ปรีดี สาทร ซอย 1 ถ. สาทร
    (สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: ลุมพินี)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    12.00-14.30 น. และ 18.00-22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-119-4899

04

Canvas (แคนวาส)

© Canvas
© Canvas
© Canvas
© Canvas
© Canvas

ร้านอาหาร Fine Dining ในบรรยากาศร่วมสมัย จากการรังสรรค์ของเชฟ Riley Sanders เชฟชาวสหรัฐอเมริกา จากเท็กซัส ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์จากทั่วมุมโลก ผ่านการเดินทางเพื่อค้นหารสชาติอาหารใหม่ๆ ผสานกับประสบการณ์ในการร่วมงานกับเชฟมิชลินชื่อดังมากมาย ทั้งในร้านอาหารมิชลินและบนเรือยอร์ชสุดหรู ก่อนที่เขาจะข้ามหน้าข้ามทะเลมายังกรุงเทพ เพื่อสานฝันกับการทำอาหารที่ Canvas แห่งนี้

ทุกเมนูที่ Canvas ได้นิยามว่าเป็นอาหารสไตล์ Contemporary Bangkok Cuisine มาพร้อมอาหารที่เน้นวัตถุดิบแบบไทยๆ แต่ผสมผสานความร่วมสมัยเข้าไปได้อย่างลงตัว ผนวกด้วยการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน กลายเป็นเมนูอาหารรสชาติแปลกใหม่ที่ต้องมาลองสักครั้ง

อาหารของที่นี่จะเน้นการเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส โดยมีให้เลือก 2 แบบ คือ 6 คอร์ส และ 9 คอร์ส โดยแต่ละเมนูจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เพื่อการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเลือกมาจากแหล่งที่ดีที่สุดของไทย จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความสดใหม่อย่างแท้จริง

  • สถานที่:

    สุขุมวิท 55 (ปากซอยทองหล่อ 5)
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ทองหล่อ)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    18.00-21.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 099-614-1158

05

Upstairs at Mikkeller (อัพสแตร์ส แอท มิคเคลเลอร์)

ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ที่เน้นบรรยากาศแบบสบายๆ และเป็นกันเอง ให้ทุกคนได้เข้าถึงอาหารแบบ Fine Dining กันได้อย่างง่ายๆ แบบไม่ต้องมีพิธีรีตอง เหมือนได้มาเอ็นจอยช่วงเวลาดีๆ กับผองเพื่อน นำทัพความอร่อยโดยเชฟ Dan Bark ซึ่งเป็นผู้คุมบังเหียนในการสร้างสรรค์สุดยอดเมนูทั้งหมด จนได้รางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาครอบครอง

อาหารของที่นี่มาพร้อมสไตล์ Progressive American ซึ่งเชฟ Dan ตั้งใจศึกษาและใช้เวลาในการออกแบบแต่ละเมนูมาอย่างละเอียดกว่า 1 ปี ซึ่งขอบอกเลยว่าประสบการณ์ของเชฟสุดเท่คนนี้ เรียกว่าไม่ธรรมดา เพราะว่าเขาเคยเป็น Sous Chef ที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว แห่งเมืองชิคาโก้อีกด้วย

ในส่วนของเมนูอาหารจะเสิร์ฟมาทั้งหมด 10 คอร์ส พร้อมการแพร์ริ่งในรูปแบบใหม่กับ Craft Beer ชั้นนำอีก 6 ชนิด ซึ่งนอกจากรสชาติอาหารที่ต้องยกนิ้วให้แล้ว เรายังจะได้ชมการปรุงอาหารจากเชฟแบบจานต่อจานอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ของบาร์เบียร์ชื่อดังอย่าง Mikkeller ซึ่งในส่วนของ Upstairs ได้ดัดแปลงพื้นที่ชั้น 2 ของบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่ทานอาหารบรรยากาศสบายๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีขาวเป็นหลักทั้งโต๊ะและเก้าอี้ ตัดกับพื้นไม้สีน้ำตาลเข้ม พร้อมด้วยภาพกราฟฟิคสุดชิคบนผนัง

  • สถานที่:

    เอกมัย ซอย 10 แยก 2 ถ.สุขุมวิท
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เอกมัย)

  • เวลาเปิดทำการ:

    พฤหัสบดี-เสาร์
    18.30-22.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 091-713-9034

06

Le Du (ฤดู)

© Le Du
© Le Du
© Le Du
© Le Du
© Le Du
© Le Du

ร้านอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ที่มาพร้อมคอนเซปต์อาหารไทยแบบร่วมสมัย โด่งดังสุดๆ จนติดอันดับ 14 ของ Asia’s 50 Best Restaurants และล่าสุดกับการคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาได้สำเร็จ นี่จึงเป็นเครื่องตอกย้ำว่า Le Du คือ 1 ในร้านที่มาแรงแห่งยุคนี้จริงๆ

หากใครที่เป็นแฟนรายการ Top Chef Thailand คงจะคุ้นหน้าคุ้นตา “เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร” 1 ในคณะกรรมการเป็นอย่างดี ซึ่งเขานี่แหละที่เป็นผู้กุมบังเหียนของร้าน Le Du ผ่านการนำเสนออาหารไทยสูตรโบราณ ที่เน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในอดีต ที่อาจจะถูกหลงลืมไปในปัจจุบัน นำมากลับรีเฟรชใหม่ให้ผสานกับกรรมวิธีการปรุงอาหารแบบใหม่ๆ ที่เน้นเรื่องของเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ กลายเป็นอาหารไทยร่วมสมัยที่ยังรักษารสชาติแบบดั้งเดิมไว้ได้แบบไม่ผิดเพี้ยน

สำหรับเมนูอาหารของทางร้านจะเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส ที่มีให้เลือกทั้ง 4 คอร์ส และ 6 คอร์ส ประกอบด้วยของคาวและของหวาน ซึ่งในแต่ละคอร์ส ก็จะมีช้อยส์ให้เลือกอีกเช่นกัน นอกจากนี้สำหรับสายดื่ม ยังสามารถสั่งไวน์เพื่อทานคู่กับอาหารได้อีกด้วย

  • สถานที่:

    สีลม ซ.7 ถ.สีลม เขตบางรัก
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ช่องนนทรี)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    19.00-22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 092-919-9969

07

Saawaan (สวรรค์)

ร้านอาหารไทยฟิวชั่นที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่าง ซ.สวนพลู โดยร้านมาพร้อมคอนเซปต์การรักษาอาหารไทยที่หาทานยาก ให้คงอยู่ต่อไป รวมไปถึงการยกระดับอาหารไทยสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น

สำหรับเชฟผู้ดูแลร้าน Saawaan ก็คือ “เชฟอ้อม สุจิรา พงษ์มอญ” เชฟผู้มากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารมาอย่างยาวนาน ผ่านการทำงานในห้องอาหารใหญ่ๆ มากมาย โดยรูปแบบการเสิร์ฟอาหาร จะมาแบบเป็นเซ็ตเมนูทั้งหมด 10 คอร์ส ที่มีทั้งของทานเล่น, อาหารจานหนัก และของหวาน โดยทุกจานอาหารประกอบไปด้วยเรื่องราวและรายละเอียดสุดพิถีพิถัน ที่ผู้ทานทุกคนจะต้องประทับใจ

โดยความน่าตื่นตาตื่นใจคือ กรรมวิธีการปรุงอาหารและวัตถุดิบต่างๆ ล้วนเป็นแบบไทยแท้ทั้งสิ้น แต่เมื่อรังสรรค์ออกมาเป็นจานอาหารแล้ว ขอบอกเลยว่าหน้าตาของแต่ละเมนู ช่างดูทันสมัยและสวยงามสุดๆ

ภายในร้านประกอบด้วยที่นั่งทั้งหมด 24 ที่ และที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์อีก 6 ที่ ซึ่งเราสามารถนั่งชมการทำงานของเชฟได้แบบริงไซด์ ส่วนการตกแต่งร้านมาในสไตล์ร่วมสมัย เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นหลัก เพื่อเพิ่มความเรียบหรูและดูดี

  • สถานที่:

    ซ.สวนพลู ถ.สาทรใต้
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ช่องนนทรี)
    (สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: ลุมพินี)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    18.00-24.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-679-3775

08

Nahm (น้ำ)

© Nahm
© Nahm
© Nahm
© Nahm

ร้านอาหารไทยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่โรงแรม COMO Metropolitan Bangkok เป็นร้านอาหารที่ติดอันดับ World’s 50 Best Restaurants และ Asia’s 50 Best Restaurants เริ่มต้นความอร่อยโดยเชฟ David Thompson ที่เริ่มเปิดร้านอาหาร Nahm ครั้งแรกเมื่อปี 2011 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็สามารถคว้ารางวัลมิชลินสตาร์มาครอบครองในเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ก่อนจะขยับขยายมาเปิดร้าน Nahm ที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้ส่งไม้ต่อให้ “เชฟพิม เตชะมวลไววิทย์” เป็นผู้ดูแลต่อ จนสามารถคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาครองได้เช่นกัน

Nahm ให้บริการอาหารไทยสูตรต้นตำรับ ที่เน้นการคัดสรรวัตถุดิบแบบท้องถิ่นแท้ๆ มาใช้ ก่อนจะนำไปผ่านกรรมวิธีการปรุงรสสุดพิถีพิถัน แถมยังเปี่ยมไปด้วยรสชาติสุดจัดจ้านถึงใจ กลายมาเป็นอาหารไทยที่มีหน้าตาร่วมสมัย แต่มาพร้อมรสชาติแบบดั้งเดิม

โดยส่วนของเมนูอาหารมีให้เลือกทั้งแบบที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส และแบบ ​A La Carte ที่มีให้เมนูให้เลือกอิ่มอร่อยหากหลายประเภท อาทิ อาหารทานเล่น, ยำ, ซุป, แกง และอาหารประเภทผัด ที่สามารถสั่งมาทานคู่กับข้าวหอมมะลิร้อนๆ ได้อย่างลงตัวสุดๆ

  • สถานที่:

    โรงแรม COMO Metropolitan Bangkok ถ.สาทรใต้
    (สถานี MRT ที่ใกล้ที่สุด: ลุมพินี)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    12.00-14.00 น. และ 19.00-22.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-625-3388

09

Saneh Jaan (เสน่ห์จันทน์)

ร้านอาหารไทยคุณภาพสไตล์ Fine Dining ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยแท้ให้ได้ลิ้มลองกันในบรรยากาศแบบร่วมสมัย โดยชื่อร้านมีที่มาจาก ขนมไทยโบราณที่ใช้ในงานมงคล ชื่อ “เสน่ห์จันทน์” จึงสื่อถึงความเป็นมงคล ที่เปรียเสมือนคุณค่าของอาหารไทย

ภายในร้านตกแต่งในบรรยากาศไทยร่วมสมัย ให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมเพิ่มสีสันด้วยการประดับตกแต่งภาพงานศิลปะอันหลากหลาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะแฝงความเป็นไทยลงไปในรายละเอียดต่างๆ เช่น ภาชนะและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร

ในส่วนของวัตถุดิบ ทางร้านได้คัดสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมเน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร รวมไปถึงการคิดค้นพัฒนาบางตำรับ ให้มีรสชาติที่จัดจ้านยิ่งขึ้น แต่ยังไม่คงทิ้งความเป็นไทยแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการเลือกใช้วัตถุดิบไทยธรรมชาติต่างๆ ทั้งใบกะเพรา, กระเทียมเถา, พริกขี้หนูสด และดอกกระเจี๊ยบ มาเป็นส่วนประกอบของทั้งอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย
ทุกเมนูของที่นี่ จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหา และมีให้เลือกลิ้มลองอย่างหลากหลาย

โดยเมนูอาหารมีให้บริการทั้งเซ็ตอาหารกลางวัน รวมไปถึงเซ็ตสำรับอาหารไทย ที่มีให้อิ่มอร่อยทั้งอาหารว่าง อาหารจานหลัก และขนม ส่วนผู้ที่ไม่เน้นทานเยอะ ก็ยังมีเมนูแบบ A La Carte ให้เลือกสั่งด้วยเช่นกัน

  • สถานที่:

    Glasshouse at Sindhorn ถ.วิทยุ
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เพลินจิต)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    11.30-14.00 น. และ 18.00-22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-650-9880

10

Gaa (กา)

© Gaa
© Gaa
© Gaa
© Gaa
© Gaa

พักอารมณ์จากอาหารไทย แล้วลองเปิดใจสัมผัสรสชาติอาหารสไตล์ใหม่ๆ กับร้านอาหารสุดเท่เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ย่านหลังสวน มาพร้อมคอนเซปต์อาหารแบบ Modern Eclectric ที่ชูจุดเด่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วประเทศไทย นำมาผสมผสานให้เข้ากับกรรมวิธีการปรุงอาหารทั้งแบบสมัยใหม่และแบบดั้งเดิม ออกมาเป็นอาหารหน้าตาสวยงามแปลกใหม่ พร้อมด้วยรสชาติสุดโดนใจ

นำทัพความอร่อยโดยเชฟ Garima Arora เชฟสาวเชื้อสายอินเดีย ผู้รับหน้าที่ดูแลทุกขั้นตอนการผลิตอาหารอย่างพิถีพิถัน พร้อมอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ด้านอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ Gordon Ramsay ในร้านอาหาร Bread Street Kitchen & Bar ที่ดูไบ รวมไปถึงการทำงานที่ร้านอาหาร Noma ร้านระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ค

เมนูอาหารของที่นี่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์แบบสุดๆ แล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติและกลิ่นที่ผสมผสานจากวัตถุดิบและเครื่องปรุงสูตรเฉพาะ ซึ่งซอสและส่วนผสมต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสไตล์โฮมเมด ที่ทีมเชฟเป็นผู้ปรุงขึ้นเองทั้งหมด

ในส่วนของรูปแบบการเสิร์ฟอาหารจะเป็นแบบเทสติ้งเมนู ที่เสิร์ฟให้ทานกันแบบเป็นคอร์ส อัดแน่นไปด้วยของคาวและของหวานหลากชนิด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกสั่งน้ำผลไม้หรือไวน์ เพื่อนำมาทานคู่กับเซ็ตอาหารได้อีกด้วย

ปิดท้ายด้วยการตกแต่งร้าน ที่โดดเด่นสุดๆ ด้านนอกร้านกับตัวอาคารสีเหลือง ส่วนด้านในเน้นสไตล์ที่ผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นและคลาสสิค โดยการเลือกใช้อิฐเป็นส่วนประกอบ พร้อมเสริมด้วยของตกแต่งร้านที่ดูทันสมัย ช่วยให้ร้านดูเก๋และมีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น

  • สถานที่:

    ถ.หลังสวน เขตปทุมวัน
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ชิดลม)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน (ปิดวันอังคาร)
    18.00-22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 091-419-2424

11

Sühring (ซูห์ริง)

ร้านอาหาร Fine Dining สัญชาติเยอรมัน เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว นำทีมโดยเชฟคู่แฝดชาวเยอรมัน Mathias Sühring และ Thomas Sühring ที่มีประสบการณ์ด้านอาหารมากว่า 10 ปี อีกทั้งยังเคยทำงานที่ร้าน Aqua ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาวที่เยอรมนีมาอีกด้วย

Sühring พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยอาหารสไตล์ New German Cuisine ซึ่งมองเผินๆ อาจจะเป็นอาหารที่แปลกใหม่สำหรับใครหลายๆ คน เพราะเมนูต่างๆ ของที่นี่ เชฟทั้งสองได้นำอาหารเยอรมันแบบดั้งเดิมที่พวกเขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ มาดัดแปลงให้เข้ากับกรรมวิธีการปรุงอาหารและเทคนิครูปแบบใหม่ๆ เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขายังได้คัดสรรวัตถุดิบเกรดเอ มาให้สายอาหารได้ลิ้มลองกันโดยเฉพาะ

โดยเมนูอาหารของที่นี่พร้อมให้บริการแบบเป็นเซ็ตเมนูในช่วงมื้อกลางวัน (เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และให้บริการแบบ A La Carte และแบบเซ็ตเมนูในช่วงมื้อเย็นของทุกวัน ซึ่งไฮไลท์เด็ดอยู่ที่เซ็ตเมนู ที่เปรียบเสมือนการรวมอาหารจากแคว้นต่างๆ ของเยอรมนี ส่งตรงมาให้เราชิมกันที่กรุงเทพฯ แบบที่ไม่ต้องตีตั๋วบินข้ามไปทวีปไปชิมเลย โดยเฉพาะยังเราสามารถสั่งไวน์มาดื่มเพิ่มเติม เพื่อจับคู่กับอาหารได้อีกด้วย

ส่วนผู้ที่ชอบความร่มรื่น ก็คงต้องตกหลุมรักไปกับบรรยากาศของร้าน ที่เต็มไปด้วยสีเขียวจากต้นไม้นานาพันธุ์ โดยต้วร้านได้มีการปรับปรุงบ้านเก่าในซอยเย็นอากาศให้กลายมาเป็นร้านอาหาร ที่ประกอบไปด้วยโซนที่นั่งให้เลือกอย่างหลากหลาย ตกแต่งแบบเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น เปรียบเสมือนทานอาหารอยู่ที่บ้าน พร้อมเพิ่มกิมมิคเก๋ๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุค และของประดับสุดคลาสสิคที่มีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปยุคเก่า

  • สถานที่:

    ซ.เย็นอากาศ 3 ถ.เย็นอากาศ เขตยานนาวา

  • เวลาเปิดทำการ:

    จันทร์-ศุกร์ 17.30-21.30 น.
    เสาร์-อาทิตย์ 11.30-12.30 น. และ 17.30-21.30 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-287-1799

12

Paste (เพสท์)

© Paste
© Paste
© Paste
© Paste
© Paste

อีกหนึ่งร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาพร้อมคอนเซปท์การนำเสนออาหารไทยแบบดั้งเดิม ให้ออกมาในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยร้านก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 ที่ทองหล่อ ก่อนจะย้ายมาที่ห้าง Gaysorn เมื่อปี 2015

การตกแต่งร้านเน้นความโปร่งโล่งสบาย ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป มีที่นั่งให้เลือกมากมายหลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเดี่ยว โต๊ะคู่ หรือโต๊ะใหญ่ ก็พร้อมรองรับลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมเพิ่มรายละเอียดต่างๆ ด้วยของตกแต่งสไตล์ไทยๆ

ส่วนเรื่องของอาหารนั้น ทางร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารตำรับชาววังและอาหารสูตรโบราณในอดีต ก่อนจะนำมาประยุกต์เข้ากับกรรมวิธีการปรุงอาหารในยุคปัจจุบัน ผสานกับการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแหล่งต่างๆ ทั่วไทย กลายมาเป็นรสชาติอาหารที่ถูกปากลูกค้าทุกคน

โดยส่วนผสมของทุกเมนู ทางเชฟได้เป็นผู้คัดเลือกด้วยตนเองจากกว่า 30 ชนิด รวมไปถึงวัตถุดิบจำพวกสมุนไพรและเครื่องเทศ ก็ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับหลากเมนู เพื่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงความเป็นอาหารไทยได้อย่างดีที่สุด

อาหารพร้อมให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น ในรูปแบบของเมนู A La Carte ส่วนคนที่อยากจัดหนัก ก็มีเทสติ้งเมนูสุดพิเศษหลากหลายเซ็ต พร้อมให้บริการด้วยเช่นกัน

  • สถานที่:

    ชั้น 3 Gaysorn Shopping Centre ราชประสงค์
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ชิดลม)

  • เวลาเปิดทำการ:

    ทุกวัน
    12.00-14.00 น. และ 18.30-23.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-656-1003

13

Savelberg (ซาเวลเบิร์ก)

หนึ่งในร้านอาหารสุดฮิตระดับรางวัลมิชลินสตาร์ที่หลายคนกล่าวถึง นำทัพความอร่อยโดยเชฟ Henk Savelberg เชฟชาวเนเธอร์แลนด์ผู้สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้เชฟได้เปิดร้านอาหารที่เนเธอร์แลนด์ 4 ร้าน ซึ่งทุกร้านล้วนแล้วแต่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์แทบทั้งสิ้น ก่อนที่เชฟจะย้ายถิ่นฐานมาเปิดร้าน Savelberg ที่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร ซึ่งแน่นอนว่ารางวัลมิชลินสตาร์ก็ยังคงไม่หนีไปไหน เพราะที่นี่ได้รับดาวติดกันมาแบบ 2 ปีซ้อน ถือเป็นดาวดวงที่ 6 แล้วที่เชฟ Henk ได้รับมาตลอดการชีวิตการทำงาน

ที่นี่มาพร้อมกับอาหารสไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัย ซึ่งเชฟ Henk เป็นผู้คัดเลือกวัตถุดิบต่างๆ ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ามาจากยุโรปแทบทั้งสิ้น ส่วนทีมเชฟคนอื่นๆ ก็ช่วยกันเฟ้นหาวัตถุดิบคุณภาพในเมืองไทยมาเพื่อนเสริมทัพอีกด้วย

การให้บริการจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ มื้อกลางวัน และ มื้อค่ำ โดยจะเสิร์ฟอาหารแบบเป็นคอร์ส มีให้เลือก 2 แบบ คือ 4 คอร์ส และ 6 คอร์ส ที่มีทั้งของคาวและของหวานให้อิ่มอร่อยกันอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่ไม่เน้นทานแบบหนักๆ ก็มีเมนูแบบ A La Carte ให้เลือกสั่งด้วยเช่นกัน หากอยากทานอาหารคู่กับไวน์ ทางร้านก็มีไวน์ให้เลือกกว่า 170 ชนิด

ปิดท้ายด้วยการตกแต่งร้านที่ดูสูงโปร่ง ไม่อึดอัด โดยชั้นล่างจะเป็นห้องอาหาร เน้นโทนสีหลักเป็นสีส้ม เพิ่มความสว่างและสดใสด ดูเป็นกันเอง พร้อมด้วยครัวเปิดที่สามารถมองเห็นทุกขั้นตอนการปรุง ส่วนด้านบนชั้นลอยจะเป็นไวน์เล้านจ์และห้องไพรเวท

  • สถานที่:

    ชั้น 1 โรงแรม Oriental Residence Bangkok
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: เพลินจิต)

  • เวลาเปิดทำการ:

    จันทร์-เสาร์
    12.00-14.30 น. และ 18.00-22.00 น.

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-252-8001

14

Bo.lan (โบ.ลาน)

ร้านอาหารไทยระดับพรีเมียมที่เปิดบริการมาอย่างยาวนาน การันตีความยอดเยี่ยมด้วยการเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียของ World’s 50 Best Restaurants และการคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาวมาได้อีก 1 ตำแหน่ง

ทางร้านเน้นการเลือกใช้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยมาเป็นวัตถุดิบหลัก เพราะเจ้าของร้านเชื่อว่าประเทศไทยยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรอันทรงคุณค่ามากมาย จึงมีการใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดให้เป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์รีไซเคิล, การใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติก, การปลูกพืชผักสวนครัว, การสนับสนุนวัตถุดิบจากเกษตรอินทรีย์แบบยั่งยืน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้วันนี้ร้าน Bo.lan ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงระบือไกล

สำหรับเมนูอาหารต่างๆ จะเน้นการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและดั้งเดิม นำมาปรุงแต่งขึ้นใหม่ให้มีความหลากหลาย แต่ยังคงรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเมนูต่างๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบตามฤดูกาล

ส่วนรูปแบบการเสิร์ฟอาหาร จะเน้นแบบเป็นคอร์ส แบ่งเป็นเซ็ตอาหารกลางวัน 1 คอร์ส คือ Bo.lan Lunch ส่วนมื้อค่ำมีให้เลือกถึง 3 เซ็ตเมนู ได้แก่ Bo.lan Botanical, Bo.lan Balance และ Bo.lan Feast ซึ่งทุกเซ็ตอาหาร จะประกอบไปด้วยของคาวและของหวานสุดหลากหลาย โดยเรายังสามารถสั่งไวน์มาเพื่อดื่มคู่กับอาหารได้อีกด้วย

  • สถานที่:

    สุขุมวิท ซอย 53 เขตวัฒนา
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: ทองหล่อ)

  • เวลาเปิดทำการ:

    อังคาร-ศุกร์ 18.00-22.30 น.
    เสาร์-อาทิตย์ 12.00-14.00 น. และ 18.00-22.30 น.
    (ปิดวันจันทร์)

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-260-2962

15

Le Normandie (เลอ นอร์มังดี)

ห้องอาหารฝรั่งเศสที่เปิดบริการมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1958 แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้น 5 ของโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ย่านเจริญกรุง ถือเป็นร้านที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงมาอย่างยาวนาน ทั้งในเรื่องของอาหาร การบริการ และความหรูหรา ที่ไม่เป็นสองรองใคร จวบจนการเดินทางยังเมืองไทยของมิชลิน ทำให้ Le Normandie โดดเด่นขึ้นเป็นทวีคูณ จากการได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาว ถึง 2 ปีซ้อน ถือเป็น 1 ในห้องอาหารที่เหล่านักชิมอยากแวะเวียนมาสัมผัสสักครั้ง

เชฟใหญ่ผู้เป็นแม่ทัพสำคัญของ Le Normandie ก็คือเชฟ Arnaud Dunand-Sauthier เชฟชาวฝรั่งเศส ผู้ที่มีประสบการณ์การทำอาหารมากว่า 15 ปี ทั้งยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับเชฟชื่อดังระดับโลกมากมาย ก่อนจะย้ายมาประจำที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2012 นอกจากการคว้ารางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาวแล้ว ที่นี่ยังถูกยกย่องให้เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุดในประเทศไทยจาก คู่มือแนะนำ Les Grande Tables du Monde อีกด้วย

เมนูอาหารของที่นี่เน้นไปที่ความเป็นฝรั่งเศสร่วมสมัย มีการเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศพร้อมด้วยเครื่องปรุงที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ผสานกับการใช้ผักออแกร์นิคจากโครงการหลวงของไทย พร้อมให้บริการอาหารทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ มีให้เลือกทั้งแบบเซ็ตเมนูที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส และเมนูแบบ A La ​Carte ที่ขนกันมาทั้งเมนูเรียกน้ำย่อย, อาหารจานหลัก และของหวาน หรือจะเลือกออพชั่นเสริมด้วยการแพร์ริ่งกับไวน์ ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้อาหารมื้อนี้พิเศษยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งความพิเศษคือ ภายในห้องอาหารเราสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน สำหรับใครที่สนใจอยากสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้ ต้องโทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะดีกรีความฮอตของที่นี่ ไม่เคยลดลงเลยจริงๆ

  • สถานที่:

    ชั้น 5 โรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ซ. เจริญกรุง 40
    (สถานี BTS ที่ใกล้ที่สุด: สะพานตากสิน)

  • เวลาเปิดทำการ:

    จันทร์-เสาร์
    12.00-14.00 น. และ 19.00-21.00 น.
    (ปิดวันอาทิตย์)

  • ช่องทางติดต่อ:

    โทร 02-659-9000

Klook.com

บทความอื่น

รวมบทความน่าสนใจ โดยทีม Siam2nite

  1. 7 ร้านมังสวิรัติใกล้ BTS ต้อนรับเทรนด์ฮิต 2019 ปีแห่ง Vegan Food

    7 ร้านมังสวิรัติใกล้ BTS ต้อนรับเทรนด์ฮิต 2019 ปีแห่ง Vegan Food

    สื่อชั้นนำระดับโลก The Economist ยกให้ปี 2019 เป็นปีแห่ง “อาหารวีแกน” (Vegan Food) หลังพบว่า 1 ใน 4 ของประชากรหนุ่มสาวชาวอเมริกันวัย 25-34 ปี หันม...

    อาหาร · 12 มิถุนายน 2019
  2. 'วากิว ซันโด' Comfort Food สุดฮิตจากญี่ปุ่น มาถึงเมืองไทยแล้ว!

    'วากิว ซันโด' Comfort Food สุดฮิตจากญี่ปุ่น มาถึงเมืองไทยแล้ว!

    “ญี่ปุ่น” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่นอกจากจะมีอาหารอร่อย เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก ยังขึ้นชื่อเรื่องการครีเอทเมนูใหม่ๆ ที่บางเมนูก็เป็นอาหารง่ายๆ แต่กลับด...

    อาหาร · 18 เมษายน 2019
  3. 15 ร้านข้าวแช่คลายร้อน ต้อนรับสงกรานต์ 2562

    15 ร้านข้าวแช่คลายร้อน ต้อนรับสงกรานต์ 2562

    “ข้าวแช่” เมนูอาหารโบราณตำรับชาววังที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อหลายร้อยปีก่อน ข้าวแช่ถือเป็นอาหารของชาวมอญ ก่อนที่ชาวไทยจะรับธรร...

    อาหาร · 5 เมษายน 2019
  4. ‘สนูป ด็อกก์’ แชร์สูตรเมนูโปรดสไตล์พ่อบ้านแร็ปเปอร์ในหนังสือสอนทำอาหารเล่มแรกในชีวิต

    ‘สนูป ด็อกก์’ แชร์สูตรเมนูโปรดสไตล์พ่อบ้านแร็ปเปอร์ในหนังสือสอนทำอาหารเล่มแรกในชีวิต

    แร็ปเปอร์รุ่นใหญ่เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล Gin & Juice, Drop it like it’s hot และร่วมฟีทเจอริ่งใน The Next Episode สุดคุ้นหู ที่ไม่ว่าเปิดเมื่อไหร่ก็โย...

    อาหาร · 27 กันยายน 2018

ซีรีส์บทความ

เรื่องราวดีๆ ที่เราเลือกสรรมาอัพเดทให้คุณเป็นประจำ