Meeting of Styles Thailand 2016: จากพลังแห่งฝันสู่งานศิลปะบนกำแพง

ในส่วนของเหล่าอาร์ตติสฝีมือฉมังที่จะมาร่วมสร้างปรากฎการณ์ด้านศิลปะในงานนี้ ก็มีมากมาย โดยทางทีมผู้จัดงานได้ทำการคัดสรรมาอย่างดี กว่า 70 ชีวิต ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเป้าหมายหลักของงานคือการที่เหล่านักกราฟฟิตี้จะลงมือเนรมิตตึกร้าง 5 ชั้น ให้กลายเป็นแกลอรี่ศิลปะที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นการช่วยพัฒนาทัศนียภาพของชุมชน รวมไปถึงการที่มีกิจกรรมดี ๆ เพื่อให้เยาวชน ไปจนถึงผู้เข้าร่วมงานได้มีช่วงเวลาดี ๆ ในการเสพผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมนั่นเอง

ภายใต้ธีมงานที่มีชื่อว่า “Uncondition Freedom” หรือ “อิสระที่ไม่มีขีดจำกัด” MOS ได้มอบอิสระให้กับเหล่าศิลปินทุกท่านในการคิด ครีเอทผลงานของตัวเองโดยไม่มีการจำกัดด้านความคิดใด ๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญคือ การสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันว่า ผลงานของใครยอดเยี่ยมหรือดีที่สุด แต่เป้าหมายหลักของงานนี้คือเพื่อการพัฒนาสังคมให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เราขอยกตัวอย่างเหล่าศิลปินฝีมือฉกาจที่จะมาร่วมสร้างผลงานศิลปะกราฟฟิตี้ในงานนี้กันให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันซักนิด ตั้งแต่ศิลปินชาวไทย ไปจนถึงที่บินตรงมาจากสวิตเซอร์แลนด์เพื่องานนี้โดยเฉพาะ:

1. Alex Face: ประเทศไทย

ศิลปินชาวไทยที่เป็นที่รู้จักกว้างขวางกับผลงานด้านกราฟฟิตี้ เขาเป็นเจ้าของไอเดียผลงานศิลปะที่หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง กับ Mardi เด็กน้อยในชุดตุ๊กตากระต่าย ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่เขาได้แรงบันดาลใจมาจากลูกสาวของเขานั่นเอง Alex เป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังผลงานกราฟฟิตี้มากมาย อาทิเช่น ล็อบบี้ของโรงแรม 5 ดาวหลายต่อหลายแห่ง รวมไปถึงงานโชว์ระดับนานาชาติทั่วโลกอีกด้วย และในครั้งนี้ เขาพร้อมที่จะกลับมาสร้างผลงานให้พวกเราได้เสพกันอีกครั้ง

2. Ink Ten & Clog Two: สิงคโปร์

คู่หูดูโอนักพ่นกราฟฟิตี้ฝีมือดีจากสิงคโปร์ ที่ผ่านสมรภูมิศิลปะในโซนเอเชียมาอย่างโชกโชน ก็เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยพวกเขาเองก็เคยโชว์ผลงานใน MOS มาบ้างแล้ว ตลอด 7 ปีที่ทั้งคู่ได้ร่วมสร้างผลงานมาด้วยกัน ความเข้าขาและลงตัวของพวกเขา ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า เราจะได้รับชมผลงานศิลปะที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

3. Tones (EDK): กัมพูชา/สวิตเซอร์แลนด์

หลังจากเริ่มก้าวเข้าสู่วงการกราฟฟิตี้ในปี 2000 ศิลปินเชื้อสายกัมพูชารายนี้ ก็ได้รับการเข้าร่วมทีม EDK จากสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับทีมศิลปินกราฟฟิตี้อีกหลายคน เขาได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะในการสร้างผลงานกราฟฟิตี้จากการร่วมทีม EDK & DVS โดยสไตล์ของเขามาจากการได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองนิวยอร์ก เขาเน้นที่จะสื่อความลื่นไหลที่ออกแนว Funk ผ่านทางลายเส้นที่แตกต่างของเขานั่นเอง

4. WAIS: รัสเซีย

ลายเส้นสไตล์พาสเทลและกลิ่นอายของยุค 80 เป็นสไตล์ของศิลปินที่มีชื่อว่า Wais ซึ่งสไตล์ของเขานั้นจะเป็นการโชว์ทักษะในการด้านการทำลายกราฟฟิคด้วยสีพาสเทลสดใส และด้วยสไตล์ที่ค่อนข้างแตกต่างของเขา ก็ทำให้ผลงานของเขาดูไม่ใช้สีหนักจนเกินไปและให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างสดใสอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีศิลปินอีกหลาย ๆ ท่านที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานกันในวันงาน ดังนั้นเราจึงสามารถคาดหวังได้เลยว่า จะได้เห็นสไตล์ที่แตกต่างกันแบบสุดขั้วอย่างแน่นอน โดยนอกจากผลงานด้านกราฟฟิตี้แล้ว ทาง MOS ก็ยังเอาใจเหล่าผู้รักศิลปะด้วยการรวมเอาดนตรีเข้ามาเป็นอีกคอนเซ็ปท์หนึ่งของงานอีกด้วย ในวันงานจะมีการแสดงจากศิลปินชาวไทย รวมไปจนถึงเหล่าดีเจ ที่จะมาเสิร์ฟดนตรีสไตล์ old school RnB, Hip-Hop, และดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ ตลอดทั้ง 2 วันเต็ม เอาล่ะ! บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่คุณจะลองหยิบยีนส์ตัวเก่า หรืออาจจะเป็นการครีเอทคอสตูมให้เหมือนหลุดไปในยุค 90 มาร่วมสนุกไปกับความ Old School กันในงานนี้กันก็น่าจะสนุกไม่ใช่น้อย

นอกจากการเน้นไปที่งานศิลปะแล้ว คุณยังจะได้เลือกอิ่มอร่อยไปกับอาหารนานาชนิดจากร้านค้าที่จะมาเปิดร้านกันในงาน เรียกได้ว่า ขนกันมาแทบทั้งตลาดเลยทีเดียว งานนี้นอกจากตาดู (ศิลปะ), หูฟัง (ดนตรี) แล้ว ยังจะได้อิ่มท้องกับบรรดาร้านอาหารมากมายอีกด้วย งานนี้เราบอกได้คำเดียวว่างาน MOS ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งอีเว้นท์ที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด ติดตามข่าวสาร รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมของงานนี้ได้ ที่นี่ แล้วเจอกัน 26-27 นี้ที่พัทยา!