#SundayWellSpent ตะลอนย่านฮิปที่ซอยอารีย์

นอกจากอาหารอร่อยๆและกาแฟรสชาติดีแล้ว Dice แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถมอบความสนุกสนานให้กับทุกคนได้ เพราะบริเวณชั้น 2 เป็นที่เล่นบอร์ดเกม ซึ่งมีให้เลือกเล่นหลากหลายประเภท เช่น The Hobbit, Tomb of Annihilation, Catan, Colony ฯลฯ เมื่อขึ้นไปที่บริเวณชั้น 3 ก็จะพบกับห้องเกม VR ที่จะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมของทุกคนพิเศษยิ่งขึ้น มีเกมมาสเตอร์คอยสอนวิธีเล่นและให้ความช่วยเหลือในการเล่นเกมทุกประเภท บนชั้น 4 เป็น Co-working space ที่เพียบพร้อมไปด้วยห้องอาบน้ำ กล่องใส่ของส่วนตัว ห้องประชุม และระเบียงดาดฟ้าที่สามารถไปพักผ่อนหลังการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน

• เวลาเปิดทำการ:

  08.00 - 22.00 น.

ร้านจักรยานเพื่อไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองโดยเฉพาะ ตั้งอยู่ที่อารีย์ซอย 2 ซึ่ง Tokyobike ไม่ได้เป็นเพียงร้านขาย-ซ่อมจักรยานเท่านั้น แต่ยังเป็นคอมมูนิตี้ของนักปั่นที่ไม่ว่าใครก็สามารถมาแบ่งปันเรื่องราวต่างๆกับเพื่อนใหม่ผู้รักจักรยานเช่นเดียวกันกับเราได้ มีสินค้าและอุปกรณ์เสริมอื่นๆจากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อได้ตามใจชอบ เช่น อานหนังจักรยานจาก Brooks หรือรองเท้าผ้าใบ MoonStar ที่ร่วมมือกับ Tokyobike ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ความพิเศษของร้านนี้คือ บริการทดลองปั่น ที่จะช่วยให้คุณได้จักรยานที่เหมาะสมและถูกใจ ถ้าแอบเล็งจักรยานรุ่นไหนไว้ แล้วยังไม่มีโอกาสได้ชมหรือลองปั่น วันอาทิตย์นี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมร้านสักครั้ง

• เวลาเปิดทำการ:

  11.00 - 19.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-117-1016
  

เดินเข้ามาในซอยอารีย์ 2 อีกเล็กน้อย จะพบกับร้านขายเสื้อผ้าวินเทจกึ่งคาเฟ่ ของแป้ง-อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ดีไซน์เนอร์แบรนด์ Vick’s และ Vickteerut ซึ่ง Museum of Everything Jinglebellโดดเด่นด้วยสินค้าวินเทจจากทั่วโลก ทั้งเดรส แจ็คเกต รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ที่มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน เปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม อย่างที่ชื่อร้านได้อธิบายไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ขณะที่ชมสินค้าไปเพลินๆก็สามารถสั่งเครื่องดื่มและขนมหวานมานั่งรับประทานไปด้วยได้ เช่น เซ็ทน้ำชาสำหรับ 1 คน (260 บาท) โดยเสิร์ฟ Magic Moon Cake ขนมเปี๊ยะหลากสีสูตรพิเศษจำนวน 3 ชิ้น พร้อมชาร้อนต่างๆที่มีให้เลือกหลายชนิด เช่น ชาเอิร์ลเกรย์ ชาอิงลิชเบรกฟาสต์ ชาอู่หลง นอกจากนี้ยังมี Dark Beer Cake (150 บาท) และ Fruit Tart (150 บาท) ที่น่าลิ้มลองไม่น้อย

• เวลาเปิดทำการ:

  วันอังคาร-อาทิตย์
  11.30 - 20.30 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 090-263-6925
  

FabCafe ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 1 เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นคาเฟ่และคอมมูนิตี้สำหรับนักประดิษฐ์ที่สามารถมาทำงานฝีมือกับเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับงานประดิษฐ์ทั้งหลายได้ที่นี่ เพราะมีทั้งเครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องสแกนสามมิติ เครื่องพิมพ์สามมิติ และจักรเย็บผ้าให้บริการ โดยค่าบริการจะคิดเป็นรายชั่วโมง นอกจากนี้หากต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับประชุม นั่งทำงาน จัดอีเว้นท์ ฯลฯ ก็มีห้องขนาดต่างๆให้เช่า ที่พร้อมด้วยโปรเจคเตอร์ จอภาพ ระบบเสียงและกระดานไวท์บอร์ด หากไม่สันทัดเรื่องงานฝีมือหรืองานประดิษฐ์เท่าไรนัก ทาง FabCafe ก็มีจัดเวิร์คช็อปหัวข้อต่างๆอยู่เป็นประจำ มาฝึกใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อเพิ่มสกิลทุกวันอาทิตย์ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย

• เวลาเปิดทำการ:

  วันอังคาร - อาทิตย์
  10.00 - 20.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 083-619-9983
  

Calm Spa ณ ซอยอารีย์ 4 (เหนือ) แห่งนี้ พึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 โดยมีทรีตเม้นท์ให้เลือกใช้บริการมากมาย เช่น นวดน้ำมัน นวดแผนไทย นวดอโรมา ขัดผิว ทรีตเม้นต์หน้า ฯลฯ จากนักบำบัดผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง โดยมีราคาตั้งแต่ 700-5,000 บาท หากพึงพอใจหลังเข้ารับการทำทรีตเม้นท์และสปาต่างๆ สนใจอยากได้ผลิตภัณฑ์ที่ทางร้านใช้ ก็สามารถเลือกซื้อได้ ทั้งโลชันสำหรับผิวกายและฝ่ามือ ครีมอาบน้ำ น้ำมันนวดตัว และอื่นๆอีกมากมาย จะมีกิจกรรมไหนเหมาะสำหรับการผ่อนคลายในวันอาทิตย์ เพื่อฟื้นฟูร่างกายเตรียมตัวทำงานในวันรุ่งขึ้น มากไปกว่าสปาดีๆสักสองชั่วโมงยามบ่ายที่ Calm spa แห่งนี้

• เวลาเปิดทำการ:

  10.00 - 23.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 096-941-8645
  

ร้านดอกไม้เล็กๆน่ารักที่ตกแต่งออกมาดูอบอุ่นราวกับป็นบ้านดอกไม้พร้อมต้อนรับให้ทุกคนเข้ามานั่งเล่นหรือจัดดอกไม้ยามว่างแห่งนี้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะสำหรับการใช้เวลาสบายๆในวันอาทิตย์เพื่อพักผ่อน เพราะไม่เพียงแต่รับจัดดอกไม้รูปแบบต่างๆเพื่อส่งมอบความสุข ยังมี Flower kit ให้ทุกคนลองจัดมงกุฎดอกไม้ตามสไตล์ของตัวเองอีกด้วย อีกทั้ง เวิร์คช็อปสอนจัดดอกไม้เป็นประจำที่สามารถเข้าร่วมได้ และหากเป็นสายคาเฟ่ ร้านนี้ก็มีเครื่องดื่มและขนมน่ารักๆที่นำดอกไม้มาเป็นส่วนประกอบและตกแต่งได้อย่างน่าสนใจ เช่น คุกกี้ (30 บาท) Financiers (40 บาท) หรือ Dream of roses (95 บาท) ชาร้อนจากดอกกุหลาบ สตรอว์เบอร์รี ผลไม้ชนิดต่างๆ ที่รสชาติดีไม่แพ้หน้าตาเลยทีเดียว

• เวลาเปิดทำการ:

  09.00 - 19.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 062-758-2233
  

Hello Summer ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรม Josh Hotel ที่ซอยอารีย์ 4 (เหนือ) พึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเพอร์เฟคสำหรับฤดูร้อนในเมืองไทยเป็นอย่างดี การตกแต่งร้านโดดเด่นด้วยการใช้โทนสีแดงและฟ้า ผสานออกมาได้อย่างน่ารัก ไอศกรีม Classic Soft Serve (89 บาท) มีทั้งสิ้น 2 รสชาติ ได้แก่ White sand เป็นรส Creamy milk และ Flamingo เป็นรส Strawberry yogurt พร้อมท็อปปิ้งหลากชนิดที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ ทางร้านยังมี Signature Milk Shake (150 บาท) ที่น่าลองไม่แพ้กัน

• เวลาเปิดทำการ:

  วันพุธ - จันทร์
  11.00 - 19.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-102-4999
  

Gloc ตั้งอยู่ที่ซอยอารีย์ 2 เป็นร้านมัลติสโตร์ที่คัดสรรสินค้าคุณภาพจากทั้งไทยและต่างประเทศมาให้ทั้งหญิง-ชายได้ช็อปกันอย่างเพลิดเพลิน มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องเขียน ของตกแต่งบ้าน สกินแคร์และเครื่องสำอาง ซึ่งบางแบรนด์มีขายเฉพาะแค่ที่ร้านนี้เท่านั้น การตกแต่งร้านให้ความรู้สึกสบายๆและมีเอกเอกลักษณ์ ใส่ใจในรายละเอียด ทั้งการเล่นสีสันและการจัดวางสินค้า ที่ทำให้การเดินช็อปปิ้งในร้านเล็กๆสนุกยิ่งขึ้น ส่วนราคาสินค้าก็สมเหตุสมผล โดยมีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน เหมาะกับคนทุกวัยเลยก็ว่าได้

• เวลาเปิดทำการ:

  11.00 - 21.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 083-244-4522
  

ร้านอาหารและคาเฟ่แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่อารีย์ซอย 5 ด้วยการตกแต่งร้านในโทนสีขาว ที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ทำให้ร้าน Poet House ดูอบอุ่นราวกบบ้านหลังเล็กๆที่ต้อนรับให้คนเข้ามาพักผ่อน ซึ่งความพิเศษของที่นี่นอกจากเมนูอาหารและขนมโฮมเมดรสชาติดีที่ทำสดใหม่เป็นประจำทุกวัน ยังมีเวิร์คช็อปที่น่าสนใจให้เข้าร่วมมากมาย เช่น งานปักผ้า Punch Needle และ Hand Stitch, Watercolor, Calligraphy, Ceramic หรือ Colored Pencil คลาสส่วนใหญ่เปิดช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เราได้เรียนรู้สกิลใหม่ๆ แต่อาจทำให้เราได้เพื่อนใหม่จากเวิร์คช็อป อีกด้วย

• เวลาเปิดทำการ:

  วันอังคาร - อาทิตย์
  09.30 - 19.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 089-684-5200
  

Taproom อาณาจักรคราฟต์เบียร์สาขาที่สองจากทั้งหมดสามสาขาแห่งนี้ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยอารีย์ 1 ที่เดียวกับคาเฟ่ Casa Lapin ภายในร้านมีเบียร์สดให้เลือกถึง 14 แท็ป ซึ่งจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน ทำให้คุณสามารถลิ้มลองเบียร์ใหม่ๆได้ไม่ซ้ำรสชาติ เช่น Hefeweizen, Pilsner, Black Lager, Extra Strong Bitter, Witbier, Porter และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ หากอยากลองจิบเบียร์หลากหลายชนิดอย่างละนิดอย่างละหน่อยแทนดื่มเบียร์แก้วโตชนิดเดียวแล้วจบ ทางร้านก็มี Beer Flight ที่เสิร์ฟเบียร์หลากชนิดในแก้วขนาดกำลังดี พร้อมการ์ดข้อมูลบอกว่าเป็นคราฟต์เบียร์ชนิดใด จากที่ไหน จำนวน 6 แก้ว (926 บาท) ซึ่งถูกใจคนที่ชอบลองหลายอย่างแน่นอน สำหรับเมนูอาหารขอแนะนำ Shrimp in Tropical Forest (270 บาท) กุ้งสดอวบๆทอด ปรุงรสด้วยจิ้มสูตรเฉพาะจากทางร้านที่อร่อยลงตัว Belly Dance (160 บาท) หมูสามชั้นทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว หรือ Ho+ Sausages (270 บาท) ที่ทางร้านบอกว่าเมื่อลูกค้าหลายคนได้ลอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก

• เวลาเปิดทำการ:

  17.00 - 24.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-116-9908
  

Cantina Wine Bar & Italian Kitchen ตั้งอยู่ที่ปากซอยอารีย์สัมพันธ์ 3 เป็นร้านอาหารอิตาเลียนโฮมเมดสูตรเฉพาะ ทานคู่กับไวน์รสเลิศจากทั่วทุกมุมโลกที่มีให้เลือกสรรนับร้อยชนิด ทั้ง อิตาลี สโลวีเนีย ชิลี อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และฝรั่งเศส ในบรรยากาศร้านที่ตกแต่งออกมาได้อย่างมีสไตล์ แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นเช่นเดียวกับร้านอาหารท้องถิ่นของประเทศอิตาลี เมื่อเข้าไปในร้านจะเห็นครัวเปิดทั้งบริเวณชั้น 1 และ 2 เมนูแนะนำของร้านที่ต้องลิ้มลองให้ได้เลย คือ Mascarpone E Tartufo Pizza (520 บาท) ที่อัดแน่นด้วยเห็ดทรัฟเฟิล ชีสหลากชนิด และแฮม หรือ Fettuccine Cantina Risotto (390 บาท) รีซอตโตที่นำเห็ดชิตาเกะและพอร์ชินีปรุงกับซอสเห็ดทรัฟเฟิลดำ คู่กับไวน์ดีๆสักแก้ว ถือเป็นการจบค่ำคืนวันอาทิตย์อย่างสมบูรณ์แบบ

• เวลาเปิดทำการ:

  17.00 - 24.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-038-5114
  

บ้านเบียร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ Aree Garden ภายในร้านมีทั้งส่วนที่เป็นอินดอร์และเอาท์ดอร์ ซึ่งตกแต่งออกมาได้อย่างเท่และเป็นกันเอง แค่ชื่อก็อธิบายได้อย่างชัดเจนว่าจุดเด่นของร้านคือเบียร์ อาหารแต่ละเมนูจึงทำออกมาเพื่อรับประทานคู่กับเบียร์อย่างลงตัว เช่น Belgian Fries (200 บาท) ที่มีถึง 6 ดิปให้เลือกรับประทาน Smoked Salmon Salad (320 บาท) หรือ Pork Knuckle (480 บาท) ด้วยจำนวนสาขาที่มากถึง 9 สาขาในประเทศไทย ได้แก่ Aree Garden, ทองหล่อ, นวมินทร์, Int พระราม 3, เซ็นทรัลเวิลด์, La Villa อารีย์, Rain Hill, หัวหิน และ ขอนแก่น จึงการันตีรสชาติได้เป็นอย่างดี หากเคยไปสาขาอื่นแล้วแต่ยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ที่นี่ ต้องลองมานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ริมระเบียงช่วงเวลาค่ำๆ ก็ดีไม่น้อย

• เวลาเปิดทำการ:

  11.00 - 01.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 02-617-1600
  

ถึงแม้ A-One Ari จะปิดทำการทุกวันอาทิตย์ แต่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปเยือนสักครั้ง โดยจะแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ Food Gallery ด้านในสุด เป็นฟู้ดคอร์ด 2 ชั้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชนิด โซน Urban Street เป็นส่วนกลางด้านซ้ายและขวาที่มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม และขนมรสชาติดี โซน Building Shop ตึกด้านหน้าสุดจำนวน 4 ชั้น ที่นอกจากร้านอาหารและคาเฟ่แล้ว ยังมีร้านนวดที่เปิดทำการวันอาทิตย์ สามารถไปผ่อนคลายร่างกายได้เสมอ ความพิเศษคือทุกวันเสาร์จะมีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังเพลินๆ ตั้งแตเ่เที่ยงเป็นต้นไปอีกด้วย

• เวลาเปิดทำการ:

  จันทร์-เสาร์
  11.00 - 20.00 น.

• ช่องทางติดต่อ:

  โทร 086-102-0009